เรื่องที่ 5 การสื่อสารเรื่องเพศในครอบครัว
พ่อแม่ที่มีลูกกำลังเป็นวัยรุ่น
ล้วนพบปัญหาเดียวกันคือ “พูดกับลูกไม่ค่อยจะรู้เรื่อง คุยกันได้แป๊บๆ ก็ขัดคอกัน ทะเลาะกันแล้ว”
ช่วงเวลาแห่งการเชื่อฟัง ไม่ว่าพ่อแม่พูดอะไร ลูกก็ เออ ออ
ห่อหมกไปด้วยได้หมดไปแล้วเมื่อลูกย่างเข้าสู่วัยที่กำลังจะเริ่มเป็นหนุ่มเป็นสาว
และยิ่งยากมากขึ้นเมื่อหัวข้อของการพูดคุยเกี่ยวกับความประพฤติที่พ่อแม่เป็นห่วง
เพราะลูกกำลังจะเป็นหนุ่มเป็นสาวนี่เองเพราะไม่เคยมีใครสอนเราซึ่งเป็นพ่อแม่มาก่อนว่าต้องคุยกับลูกยังไง
ดังนั้น เมื่อเกิดความไม่สบายใจ กังวลใจกับพฤติกรรมของลูก
เราจึงมักเลือกวิธีเดียวกับที่พ่อแม่ปฏิบัติกับเราเมื่อเราเป็นเด็ก คือ เงียบ บ่น
หรือด่าว่า ซึ่งวิธีการเหล่านั้นเป็นการสร้างกำแพงระหว่างเรากับลูกให้ยิ่งสูงขึ้น
และยากต่อการปีนป่ายข้าม โดยเฉพาะเมื่อเป็นเรื่องเพศ
ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายครอบครัวไม่เคยเอ่ยปากสนทนาเมื่ออยู่ด้วยกันพร้อมหน้า
ลองเริ่มต้นจากการตอบคำถามตัวเองก่อน
การกอบกู้ช่วงเวลาดีๆ
ที่เคยมีเมื่อตอนลูกยังเป็นเด็กเล็กๆ ให้กลับมาแม้ลูกจะเข้าสู่วัยรุ่นแล้ว
เป็นเรื่องที่ทำได้ แต่ต้องอาศัยการฝึกฝน ทำบ่อยๆ และแม้จะยากเพียงใด
ก็เป็นเรื่องที่พ่อแม่ควรต้องเรียนรู้
ต้องฝึกการพูดคุยกับลูกด้วยท่าทีที่แสดงให้ลูกเห็นถึงความรัก ความห่วงใย
และสร้างความไว้วางใจ เพราะผลดีจะตกอยู่ที่ลูกของเรา
เมื่อความสัมพันธ์ในครอบครัวดีขึ้น
ก่อนจะเริ่มต้นคุยกับลูก ลองทบทวน ถามตัวเองในใจว่า
•
มีเรื่องอะไรบ้างที่เราพูดได้อย่างสบายใจ
• มีเรื่องอะไรที่เห็นๆ
อยู่ตำตา แต่ไม่เคยพูดเลย
• มีเรื่องอะไรที่เป็นความลับสุดยอดของครอบครัว
ซึ่งต้องปิดไว้ ไม่สามารถเปิดเผยได้จริงๆ เพราะจะส่งผลกระทบถึงสมาชิกในครอบครัว
• มีความลับอะไรในครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องศาสนา
• มีศีลธรรม
จริยธรรมข้อไหนบ้างที่เราได้แต่พูด แต่ทำตามไม่ได้
การตอบคำถามเหล่านี้
คือการเริ่มต้นที่จะทำการสำรวจและทำความเข้าใจกับกฏ กติกาความคิด
ความเชื่อของครอบครัวเราที่มีต่อเรื่องต่างๆ ทำให้เรารู้ว่าทำไมเราถึงคิดและประพฤติเช่นนั้น
และจะช่วยเตือนเราว่ามีหลายเรื่องอาจไม่สอดคล้องกับครอบครัวของเราหรือกับของคนอื่น
เราจึงควรเปิดใจกว้างขึ้น ซึ่งการเปิดใจยอมรับประสบการณ์ใหม่ๆ
คือจุดเริ่มต้นของการสื่อสารที่ได้ผล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น