ใบความรู้เรื่อง หลากหลายความเชื่อที่ผิดในเรื่องเพศ
หลากหลายความเชื่อที่ผิดในเรื่องเพศ
การ “ช่วยตัวเอง” บ่อยๆ
จะทำให้จิตใจไม่ปกติหรือเป็นโรคจิตประสาทได้ “การช่วยตัวเอง” เป็นทางเลือกหนึ่งในการจัดการกับความรู้สึกและความต้องการทางเพศซึ่งเกิดจากธรรมชาติ
ที่ทุกคนสามารถทำได้ ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
หากเรายังไม่พร้อมที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์ หรือมีเพศสัมพันธ์กับใคร
ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ หนุ่มสาวหลายคนมักจะถูกบอกเกี่ยวกับเรื่องการช่วยตัวเองผิดๆ
หลายอย่าง เช่น การช่วยตัวเองเป็นสิ่งที่ไม่ดี บาป ทำให้ตัวเตี้ย เรียนโง่
หรือการช่วยตัวเองบ่อยๆ จะทำให้จิตใจไม่ปกติ เป็นโรคจิตประสาท
หรือเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เป็นต้น ความเชื่อเหล่านี้จึงส่งผลต่อพฤติกรรม
ทำให้สาวหลายคนมักอายที่จะพูดถึง ส่วนหนุ่มหลายคนอาจกังวลว่าทำบ่อยๆ
จะมีผลอย่างไรหรือไม่ ทั้งที่
วิธีการนี้ช่วยสนองตอบความต้องการทางเพศของเราได้ด้วยตนเอง การช่วยตัวเอง
จะทำบ่อยหรือน้อยครั้งก็ขึ้นกับความพร้อม ความพอใจและสุขภาพของแต่ละคน
ผู้ชายมีความต้องการทางเพศมากกว่าผู้หญิง
ความต้องการทางเพศเป็นเรื่องธรรมชาติที่ทั้งผู้หญิงและผู้ชายมีเท่าๆ
กัน การมีความต้องการทางเพศมากหรือน้อยเป็นเรื่องแต่ละบุคคล
ไม่เกี่ยวกับความเป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย
แต่ความคาดหวังของสังคมและวัฒนธรรมในสังคมไทยมีต่อเรื่องเพศของผู้หญิงและผู้ชายต่างกัน
เช่น ผู้ชายช่วยตัวเองเป็นเรื่องธรรมดา ผู้ชายจะต้องมีประสบการณ์ทางเพศ
ผู้ชายเที่ยวซ่องเป็นเรื่องธรรมดา ผู้ชายมีเมียหลายคนถือว่าเก่ง มีฝีมือ
แต่ในขณะที่เรื่องเพศสำหรับผู้หญิงเป็นเรื่องที่ไม่ควรแสดงออก
ผู้หญิงที่ดีต้องไร้เดียงสาในเรื่องเพศ ผู้หญิงช่วยตัวเองเป็นเรื่องไม่งาม
ผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัวและรักเดียวใจเดียว ดังนั้น
เมื่อผู้ชายมีอารมณ์หรือมีความต้องการทางเพศ จึงสามารถปลดปล่อยได้เป็นเรื่องปกติธรรมดา
แต่หากเป็นผู้หญิงจะต้องเก็บความรู้สึกไว้และเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์เพศและการแสดงออก
จึงดูราวกับว่าผู้ชายมีความต้องการทางเพศมากกว่าผู้หญิง
ความสุขทางเพศของผู้หญิงขึ้นอยู่กับขนาดอวัยวะเพศชาย
ขนาดของอวัยวะเพศไม่มีผลต่อความสุขทางเพศเลย
แต่เป็นความเชื่อที่ส่งผลให้ผู้ชายเกิดความไม่มั่นใจในตนเอง
ซึ่งบางคนมีปัญหาในการมีเพศสัมพันธ์กับคู่
แล้วเข้าใจผิดไปเองว่ามาจากขนาดของอวัยวะเพศของตนเล็กเกินไป
ความสุขทางเพศ เป็นเรื่องเทคนิควิธีการ
ที่มาจากการพูดคุยสื่อสารกันระหว่างคนสองคน และช่วยกันให้มีความสุขทั้งสองฝ่าย
ความเชื่อในเรื่องขนาด
ส่งผลให้ผู้ชายส่วนหนึ่งต้องการดัดแปลงอวัยวะเพศตนเอง เช่น การฝังมุก
โดยเชื่อว่าการฝังมุกที่อวัยวะเพศเพื่อให้มีพื้นผิวขรุขระ จะช่วยเพิ่มความสุข
ในขณะร่วมเพศ โดยการฝังมุกเทียม หรือเม็ดแก้วขนาดเล็กไว้ตื้น ๆ ใต้ผิวหนัง
สำหรับวิธีนี้ หากฝังเพียงตื้น ๆ ใต้ผิวหนัง ไม่นานก็จะหลุดออกมา แต่ถ้าฝังลึก
ก็มีโอกาสติดเชื้อ และเป็นแผลได้
การใช้ปากกับอวัยวะเพศเป็นเรื่องผิดปกติ
การใช้ปากกับอวัยวะเพศ (Oral
sex) หรือการใช้ปากทำรักให้กับคู่
ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายจะใช้ปากดูด เลีย อม
ที่อวัยวะเพศของคู่เพื่อกระตุ้นความรู้สึกทางเพศนั้น
เป็นเรื่องธรรมชาติที่เป็นอีกท่วงท่าหนึ่งของการมีเพศสัมพันธ์
แต่การใช้ปากทำรัก
ควรเกิดขึ้นจากการคุยและตกลงกันระหว่างคู่ว่า พร้อมใจที่จะทำหรือไม่
เพราะบางคนอาจรู้สึกว่า การใช้ปากกับอวัยวะเพศเป็นเรื่องสกปรก น่าขยะแขยง
แต่บางคนอาจจะรู้สึกชอบ เพราะรู้ว่า
อวัยวะเพศก็มีการดูแลความสะอาดไม่แตกต่างกับอวัยวะส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
ขึ้นกับทัศนคติหรือมุมมองของแต่ละคน
ทั้งนี้ การใช้ปากทำรักถือว่าเป็น
เพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย (Safe Sex) ทั้งจากการตั้งครรภ์และ
ยังเป็นวิธีลดโอกาสเสี่ยงจากการติดเชื้อเอชไอวีด้วย
โอกาสของการติดเชื้อเอชไอวีจากการใช้ปากทำรัก
เท่าที่พบมีเพียงกรณีเดียว คือ การใช้ปากทำรักให้กับผู้ชายที่มีเชื้อเอชไอวี โดยมีเงื่อนไขเฉพาะ
คือ มีการหลั่งน้ำอสุจิในปาก และในช่องปากของคนที่ทำมีแผล และ/หรือ
มีการติดเชื้อในลำคอเท่านั้น แต่ยังไม่เคยมีรายงานว่ามีการติดเชื้อจากการใช้ปากทำรักให้ผู้หญิงที่มีเชื้อเอชไอวี
หรือไม่พบว่ามีใครติดเชื้อเอชไอวีจากการที่ผู้ติดเชื้อใช้ปากทำรักให้
มีวิธีที่จะบอกได้ว่าผู้หญิงคนไหนเคยมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว
ผู้ชายส่วนใหญ่อยากจะเป็นคนแรกของผู้หญิงกันทั้งนั้น
จึงพยายามหาวิธีการที่จะบอกต่อๆ กันในหมู่ผู้ชายด้วยกันถึงวิธีการ “ดูซิง” เช่น ผู้หญิงที่มีท่าทางเรียบร้อย เดินขาหนีบ
หน้าอกตั้ง สะโพกไม่หย่อน เป็นต้น แต่จากข้อมูลทางการแพทย์ยืนยันว่า
ไม่มีทางที่จะรู้ได้ว่าผู้หญิงเคยมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว
ถ้าหากว่าผู้หญิงไม่บอกด้วยตนเอง
ความเชื่อนี้จะส่งผลให้ผู้ชายไม่ป้องกันเมื่อมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงที่ตัวเองมั่นใจว่าซิง
ในขณะเดียวกันผู้หญิงที่เคยมีเพศสัมพันธ์มาแล้วก็จะปิดบังความจริงกับคู่ปัจจุบันเพราะกังวลว่าผู้ชายจะไม่ยอมรับ
จึงทำให้ทั้งคู่มีโอกาสเสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน
การหลั่งน้ำอสุจิทำให้หมดกำลัง
ไม่มีหลักฐานว่าการหลั่งน้ำอสุจิ
ไม่ว่าด้วยการช่วยตัวเองหรือมีเพศสัมพันธ์จะทำให้หมดกำลัง โดยทั่วไปหลังการมีเพศสัมพันธ์หรือช่วยตัวเอง
หากได้พักสักครู่หนึ่งร่างกายก็จะกลับคืนสู่สภาพปกติ
น้ำกามประกอบด้วยตัวอสุจิซึ่งผลิตจากลูกอัณฑะและน้ำหล่อเลี้ยงอสุจิ
ซึ่งผลิตจากท่อและต่อมต่างๆ ที่อยู่ในทางผ่านของตัวอสุจิสู่ภายนอก
เมื่ออายุมากอวัยวะดังกล่าวจะเสื่อมลง ทำให้น้ำกามจางลงและมีจำนวนน้อยลงด้วย
ทำให้ความต้องการทางเพศและการตอบสนองทางเพศลดลง
รวมทั้งความสามารถในการหลั่งน้ำกามจะน้อยลงด้วย คือองคชาติชายสูงอายุอาจแข็งตัวได้
แต่ไม่สามารถหลั่งน้ำกาม
ดังนั้นด้วยปัจจัยหลายประการดังที่กล่าวจึงทำให้คนทั่วไปคิดว่าผู้ชายแต่ละคนมีจำนวนน้ำกามจำกัด
คือ ถ้าหลั่งน้ำกามบ่อยก็จะหมดความสามารถในการหลั่งน้ำกามเร็ว ซึ่งไม่เป็นความจริง
ตรงกันข้ามกลับพบว่าทั้งชายและหญิงที่มีกิจกรรมทางเพศบ่อยจะรักษาความสามารถทางเพศไว้ได้นานกว่าคนที่ไม่ค่อยมีกิจกรรมทางเพศ
ผู้หญิงควรใช้น้ำยาทำความสะอาดช่องคลอด
ในช่องคลอดของผู้หญิงมีแบคทีเรียธรรมชาติที่รักษาความสมดุลย์ของช่องคลอดอยู่แล้ว
หากไปใช้น้ำยาที่ส่วนผสมของกรดหรือด่างที่มากเกินไป
จะทำให้เกิดการทำลายแบคทีเรียธรรมชาตินั้นจนเสียความสมดุลย์
และส่วนผสมของน้ำหอมในน้ำยายังอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองบริเวณช่องคลอด เป็นผื่นคันและทำให้ติดเชื้อโรคได้ง่าย
นอกจากนี้ ยังทำให้ต้องสิ้นเปลืองเงินเพิ่มขึ้นเพื่อซื้อน้ำยาทำความสะอาดมาใช้
ทั้งๆ
ที่การอาบน้ำปกติทั่วไปที่ใช้สบู่และน้ำสะอาดแล้วซับที่บริเวณอวัยวะเพศให้แห้งก็เพียงพอแล้ว
ผู้หญิงเมื่อเป็นสาวจะมีหัวนมเป็นสีชมพู
เป็นเรื่องธรรมชาติที่ผู้หญิงแต่ละคนจะมีหน้าอกที่แตกต่างกันหลายรูปทรง
หลายขนาดและหลายสี อาจจะมีอกขนาดเล็กหรือใหญ่ หัวนมอาจตั้งขึ้นหรือจะคล้อยลง
อาจจะนิ่มหรือกระชับก็ได้ ทั้งนี้
สีของหัวนมก็เช่นเดียวกันที่อาจมีความแตกต่างกันไปตามธรรมชาติของแต่ละคน เช่น
สีเข้ม (คล้ำ) หรือสีซีด
ความแตกต่างแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาไม่เกี่ยวกับเมื่อเป็นสาวแล้วจะต้องมีหัวนมเป็นสีชมพู
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น